tag:blogger.com,1999:blog-13467104274883882602024-03-13T20:55:19.594-07:00Thailand Export Professional ส่งออก,export,พิธีการกรมศุลกากร,ด้วยทีมงานมืออาชีพด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการด้านการส่งออกมากว่า 10Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-1346710427488388260.post-55533736439457708342010-09-13T20:44:00.000-07:002010-09-20T22:50:45.656-07:00ขั้นตอนการส่งออก<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TI7xCAC9BgI/AAAAAAAAAak/HfwcN7LwoL0/s1600/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81+9.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 162px;" src="http://2.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TI7xCAC9BgI/AAAAAAAAAak/HfwcN7LwoL0/s200/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81+9.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5516611610249856514" /></a><br /><!-- AddThis Button BEGIN --><br /><a class="addthis_button" href="http://www.addthis.com/bookmark.php?v=250&username=xa-4c8ef6d672109c9b"><img src="http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif" width="125" height="16" alt="Bookmark and Share" style="border:0"/></a><br /><script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4c8ef6d672109c9b"></script><br /><!-- AddThis Button END --><br /><br />ขั้นตอนการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br />ธุรกิจการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> นับว่าเป็นธุรกิจอีกแขนงหนึ่งที่มีความสำคัญต่อผู้ประกอบการเองและประเทศชาติ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทยเราเป็นจำนวนมากในปีหนึ่งๆ และรายได้เหล่านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกนำมาใช้พัฒนาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น <br />ดังนั้น เพื่อให้ธุรกิจการส่งสินค้าออกของไทยประสบความสำเร็จ และมีมูลค่าการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>เพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการที่จะเข้ามาในธุรกิจนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ขั้นตอนและกระบวนการปฏิบัติต่างๆ ในการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าให้ดีเสียก่อน<br />เนื่องจากขั้นตอนการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้า เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบธุรกิจ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> จะต้องทำความเข้าใจและศึกษาข้อปฏิบัติให้ถูกต้อง เพื่อให้การประกอบธุรกิจ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> เป็นไปอย่างสะดวกและได้รับผลสำเร็จคุ้มค่ากับความตั้งใจการลงทุน<br />ขั้นตอนการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ประกอบด้วย<br />1. การจดทะเบียนพาณิชย์<br />2. การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และการขอมีเลขและบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร<br />3. เสนอขายและรับการสั่งซื้อ<br />4. การเตรียมสินค้า<br />5. ติดต่อขนส่ง<br />6. จัดเตรียมเอกสารเพื่อการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br />7. ติดต่อผ่านพิธีการศุลกากร<br />• พิธีการตรวจเอกสาร<br />• พิธีการตรวจสินค้า<br />8. การส่งมอบสินค้า<br />9. การเรียกเก็บเงินค่าสินค้า<br />10. ขอรับสิทธิประโยชน์ <br />เมื่อท่านตั้งใจจะดำเนินธุรกิจการค้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภายในประเทศหรือ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สู่ต่างประเทศ จะต้องสร้างความมั่นใจแก่คู่ค้าของท่าน โดยแสดงวัตถุประสงค์<br /><br />ชัดเจนว่าท่านจะทำการค้าสินค้าลักษณะใด โดยทำการจดทะเบียนธุรกิจ ซึ่งมีการจดได้หลายลักษณะ ได้แก่<br />1. กิจการร้านค้าเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วนสามัญ<br />2. นิติบุคคล แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ<br />2.1 บริษัทจำกัด<br />2.2 ห้างหุ้นส่วน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ<br /> 2.2.1 ห้างหุ้นส่วนจำกัด<br /> 2.2.2 ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล<br />สำหรับสถานที่จดทะเบียน คือ<br />1. กรุงเทพมหานคร<br />1.1 สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1 (มหาราช)<br /> โทร. 0-2622-0569 ถึง 70<br />1.2 สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 2 (ถ.พระราม 6)<br /> โทร. 0-2618-3340 ถึง 41 และ 45<br />1.3 สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 3 (รัชดาภิเษก)<br /> โทร. 0-2276-7266<br />1.4 สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 4 (สีลม)<br /> โทร. 0-2630-4696 ถึง 97<br />1.5 สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 5 (รัชดาภิเษก)<br /> โทร. 0-2276-7255-6<br />1.6 สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 6 (ศรีนครินทร์)<br /> โทร. 0-2722-8366, 68 และ 77<br />1.7 สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 7 (รัชดาภิเษก)<br /> โทร. 0-2276-7251 และ 53<br />1.8 ส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง (อาคารกรมพัฒนาธุรกิจ จ.นนทบุรี)<br /> โทร. 0-2547-4423 ถึง 24<br />2. ต่างจังหวัด ที่สำนักงานทะเบียนการค้าจังหวัด 75 จังหวัด<br /> นอกจากนี้ สามารถจดทะเบียนธุรกิจทาง Internet ได้ที่<br /> www.thairegistration.com<br /><br />เมื่อจดทะเบียนธุรกิจแล้ว ก็ต้องติดต่อกรมสรรพากรเพื่อขอมีเลข และบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากร หากมีรายรับจากการขายสินค้า หรือให้บริการเกินกว่า 1.2 ล้านบาทต่อปี ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีผู้ประกอบการบางประเภท ที่ไม่ต้องจดทะเบียน หรือได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่ามูลค่าเพิ่ม เช่น การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ของผู้ประกอบการในเขตอุตสาหกรรม<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย แต่ก็สามารถขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ เป็นต้น<br /> การดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถติดต่อขอรายละเอียดและจดทะเบียนได้ที่<br />กรุงเทพฯ - สำนักงานสรรพากรเขต สำนักงานสรรพากรเขต (สาขา) หรือ สำนักงานสรรพากรที่สถานประกอบการตั้งอยู่<br />- สำนักงานภาษีสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่<br />ต่างจังหวัด - สำนักงานสรรพากรอำเภอ สำนักงานสรรพากรอำเภอ (สาขา)<br /> หรือ สำนักงานสรรพากรกิ่งอำเภอที่สถานประกอบการตั้งอยู่<br />อันดับแรกของการประกอบธุรกิจ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> ผู้ประกอบการต้องเข้าใจถึงลักษณะการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ของประเทศไทยก่อน ซึ่งประเทศเราเป็นประเทศกำลังพัฒนาและมีเสรีทางการค้า ฉะนั้น ในสินค้าบางตัวก็เป็นสินค้าที่มีความสำคัญและอาจส่งผลด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชน ดังนั้น ผู้ที่จะประกอบธุรกิจ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> จึงจำเป็นต้องศึกษากฎเกณฑ์ และระเบียบอันเกี่ยวข้องกับการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับศุลกากร กฎหมายพิกัดอัตราอากรขาเข้าขาออกของสินค้าที่ได้รับการยกเว้นอากร กฎหมายควบคุมสินค้าขาออก ทั้งนี้ เพื่อให้มีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงกัน<br />ดังนั้น รัฐบาลจึงได้กำหนดการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าตามกลุ่มของสินค้าเป็น 3 กลุ่ม คือ<br />1. สินค้ามาตรฐาน<br />2. สินค้าควบคุม หรือสินค้าที่มีมาตรการจัดระเบียบการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br />3. สินค้าเสรี (ทั่วไป)<br />1. สินค้ามาตรการ ที่กำหนดมี 12 ชนิด ได้แก่ ปอฟอก ข้าวโพด เมล็ดละหุ่ง ปุยนุ่น ไม้สักแปรรูป ข้าวฟ่าง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ถั่วเขียว ปลาป่น ถั่วเขียวผิวดำ แป้งมันสำปะหลัง ข้าวหอมมะลิไทย<br /> การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าในกลุ่มนี้ ผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>จะต้องจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออก ซึ่งสินค้ามาตรฐานและต้องได้รับใบรับรองมาตรฐานสินค้าจาก<br /> - สำนักงานมาตรฐานสินค้า<br /> - สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย<br />เพื่อนำไปแสดงต่อกรมศุลกากร จึงจะได้รับการตรวจปล่อยสินค้าออกไปได้ ในเรื่องนี้สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่<br /> - กองตรวจสอบและมาตรฐานสินค้า<br /> กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์<br /> โทร. 02-5474746<br /> 2. สินค้าควบคุม เป็นสินค้าที่มีมาตรการจัดระเบียบการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> เป็นสินค้า ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ความสงบและความเรียบร้อยภายในประเทศ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ สินค้าประเภทนี้ ได้แก่<br />สินค้าเกษครกรรม<br />- ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสาร ข้าวเหนียว - สัตว์ป่า (นก) 20 ชนิด<br />- ข้าวภายใต้โควต้าภาษีของสหภาพยุโรป - สัตว์ป่า (29 ชนิด)<br />- เมล็ดปอ - สัตว์ป่า (22 ชนิด)<br />- ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง - สัตว์ป่า (29 ชนิด)<br />- สินค้ากาแฟ - ซากสัตว์ป่า (38 ชนิด)<br />- ผลิตภัณฑ์กาแฟ - ซากสัตว์ป่า (29 ชนิด)<br />- กากถั่ว - ซากสัตว์ป่า (29 ชนิด)<br />- ไม้และไม้แปรรูป - ซากสัตว์ป่า (195 ชนิด)<br />- ไม้ยางพารา - ซากเต่า<br />- หวาย - ปะการัง<br />- ถ่านไม้ - เต่าจักร<br />- ช้าง ม้า ลา ล่อ - กุ้งกุลาดำมีชีวิต<br />- โค กระบือ - ปลาทะเลสวยงามที่มีชีวิต<br />- กระแต - สัตว์น้ำใกล้สูญพันธ์<br />- สัตว์ป่า (177 ชนิด) - หอยมุกและผลิตภัณฑ์<br /> สินค้าอุตสาหกรรม<br />- น้ำตาล - พระพุทธรูป<br />- ถ่านหิน - น้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์<br />- ปุ๋ย ของน้ำมันเชื้อเพลิง <br />- ทองคำ - แร่ที่มีทรายเป็นส่วนประกอบ<br />- เทวรูป - สินค้ารี-เอก็กซ์ปอร์ต<br /> การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าเหล่านี้ จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน จึงจะทำการส่งออกได้<br />- จดทะเบียนเป็นผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> ได้แก่ กาแฟ ข้าว ทุเรียน ปลาทูนาบรรจุภาชนะอัดลม กุ้ง ปลาหมึกแช่เย็นแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ ลำไยสด สิ่งทอ ดอกกล้วยไม้ ผลิตภัณฑ์- มันสำปะหลัง<br />- ขอใบอนุญาต<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> ได้แก่ กากถั่วเหลือง (ในหลักการไม่อนุญาตให้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>) กาแฟ กุ้งกุลาดำ ข้าว ช้าง ซากเต่าบางชนิด ซากสัตว์บางชนิด สินค้า RE-EXPORT ถ่านไม้ ถ่านหิน ทองคำ น้ำมันเชื้อเพลิง ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์หอยมุก พระพุทธรูป ไม้และไม้แปรรูป (เฉพาะไม้ยางพารา ไม้สน และไม้ยูคาลิปตัส) แร่ที่มีทราย สัตว์ป่าบางชนิด หอยมุก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง<br />- ขอรับการจัดสรรปริมาณ (โควตา) การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> ได้แก่ ข้าว สิ่งทอ<br />- ห้าม<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>/ในหลักการไม่อนุญาตให้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> ได้แก่ กระแต กากถั่ว เต่าจักร ทราย ปลาทะเลสวยงาม ปะการัง ม้า ลา ล่อ เมล็ดปอ สัตว์น้ำ 258 ชนิด สินค้าปลอม สินค้าลิขสิทธิ์ หวาย การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ไปยัง 3 ประเทศที่กล่าวข้างต้น<br />ผู้ประกอบการสามารถสอบถาม/ค้นหารายละเอียดได้จาก<br /> กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์<br /> โทร. 0-2547-4771 ถึง 86<br /> Web Site : www.dft.moc.go.th/export_index.html<br /> Web Site ของกรมส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> : www.depthai.go.th/export/index.html<br />1. สินค้าเสรี (ทั่วไป) ไม่มีกฎเกณฑ์ใดเป็นข้อห้าม จึง<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ได้ตามปกติ สินค้ากลุ่มนี้มีมากมาย ผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สามารถเลือกทำการค้าได้โดยเสรี <br />เมื่อทราบประเภทของกลุ่มสินค้า และรู้แล้วว่าเป็นสินค้าประเภทใด ก็มาถึงขั้นต่อไปในการขายสินค้า<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> คือ การหาลูกค้าซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น ลงโฆษณาในสื่อต่างๆ ในประเทศของผู้ซื้อ หรือสื่อทางการค้าของหน่วยงานด้านการค้าของไทย ได้แก่ Export Directory ซึ่งจะจัดพิมพ์รายชื่อผู้ผลิต-<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าแยกเป็นชนิดสินค้าการส่ง Direct Mail ไปยังผู้นำเข้าในประเทศเป้าหมาย การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เป็นต้น<br />เมื่อผู้ซื้อในต่างประเทศได้รู้จักสินค้าและให้ความสนใจก็จะมีการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ในเรื่องราคา ปริมาณ หรือเงื่อนไขอื่นๆ<br />ผู้ขายสินค้าก็จะต้องยื่นข้อเสนอราคาที่เหมาะสมและกำหนดเวลาในการจัดส่ง หรือรายละเอียดอื่นตามที่ผู้ซื้อต้องการทราบ หากผู้ซื้อพอใจในสินค้าและราคาแล้ว จึงจะเกิดการสั่งซื้อ ด้วยการออกคำสั่งซื้อสินค้า (Purchase Order) มายังผู้ขาย เพื่อให้ผู้ขายออกเอกสาร Pro-forma Invoice<br />เมื่อผู้ขายจัดส่ง Pro-forma Invoice ไปให้แล้ว ผู้ซื้อก็จะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการเปิด Letter of Credit (L/C) ต่อธนาคารของผู้ซื้อ และเมื่อธนาคารของผู้ซื้อรับการสั่งซื้อแล้วก็ทำการจัดส่ง Letter of Credit (L/C) มายังธนาคารในประเทศของผู้ขาย<br />หลังจากนั้นธนาคารในประเทศผู้ขายก็จะแจ้งมายังผู้ขายว่าลูกค้าในต่างประเทศได้เปิด L/C มาแล้ว โดยให้ผู้ขายติดต่อกลับ เพื่อนำหลักฐานตามที่ตกลงใน L/C ไปเตรียมการจัดส่งสินค้าตามข้อตกลงที่ผู้ซื้อกำหนดมาใน L/C หากมีข้อความใน L/C ไม่ชัดเจน ควรปรึกษากับธนาคารผู้รับใบสั่งซื้อ L/C ให้ชัดเจนเสียก่อนที่จะนำไปดำเนินการในขั้นตอนต่อไป<br />ในกรณีที่ผู้ขายเป็นผู้ผลิตสินค้าเอง ต้องเตรียมการผลิตสินค้าให้พร้อมเสร็จสิ้นก่อนกำหนดส่งสินค้า หากผู้ขายไม่ได้ผลิตเอง ก็จะต้องทำสัญญากับผู้ผลิตให้กำหนดการส่งมอบสินค้า ตามเวลาที่กำหนดก่อนการจัดส่งให้ผู้ซื้อ จากนั้นทำการทดสอบคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ให้กับผู้ซื้อไว้<br />และตรวจสอบกำหนดการในการขนส่งสินค้าว่า ตารางการเดินเรือ หรือเที่ยวบินในช่วงที่ต้องการส่งสินค้ามีตามต้องการหรือไม่ ควรจองระวางบรรทุกสินค้าไว้ล่วงหน้า เพื่อความสะดวกแก่ผู้ทำการขนส่ง ซึ่งจะได้จัดเตรียมระวางบรรทุกในเที่ยว ที่ต้องการได้ถูกต้องครบถ้วน<br />ต่อมาก็จัดทำใบกำกับสินค้า หรือ บัญชีราคาสินค้า (Invoice) เพราะต้องนำไปใช้ทั้งก่อนการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> และหลังการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> เช่น ขออนุญาตสินค้าที่ควบคุมต้องปฏิบัติล่วงหน้าเพื่อความถูกต้อง การจัดทำใบรายการบรรจุหีบห่อ (Packing List) จะต้องจัดทำเมื่อทราบขนาดของหีบห่อที่ใช้บรรจุสินค้า หรืออาจจัดทำก่อนยื่นเอกสารผ่านพิธีการศุลกากร การขออนุญาตสินค้าควบคุม สินค้ามาตรฐานและการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ซึ่งได้กล่าวแล้วข้างต้น<br />นอกจากนี้ อาจต้องขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (C/O หรือ Certificate of Origin) ตามข้อกำหนดของประเทศผู้ซื้อ หนังสือรับรองนี้ มี 2 แบบ<br />แบบที่ 1 เป็นหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดทั่วไปที่ออกให้กับประเทศผู้ซื้อ เพื่อยืนยันว่าสินค้านั้นผลิตขึ้นในประเทศที่<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>จริง ผู้ออกให้มี<br />- กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์<br />- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย<br />- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย<br />แบบที่ 2 เป็นหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าที่ออกให้กับประเทศผู้ซื้อตามข้อตกลงว่าด้วยการใช้สิทธิพิเศษต่างๆ<br />- สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร GSP เรียกว่า หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า Form A<br />- สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ AFTA/CEPT เรียกว่า หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า FORM D<br />- สิทธิประโยชน์ทางการค้า GSTP เรียกว่า หนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า FORM GSTP<br />แบบที่ 2 นี้ จะออกโดย กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เท่านั้น<br />สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่<br /> กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า<br /> กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์<br /> โทร. 0-2547-4815, 18 และ 19<br /> E-mail : tpdft@mocnet.moc.go.th<br />เอกสารประกอบอื่นๆ ตามความต้องการของผู้ซื้อ เช่น เอกสารประกันภัย และเอกสารรับรองต่างๆ ซึ่งผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ส่วนใหญ่ มักใช้บริการว่าจ้างผู้แทนออกของ (Shipping) ให้ดำเนินการ ดังนั้น จึงควรแจ้งให้เขาทราบว่าต้องการเอกสารประกอบชนิดใด เพื่อเขาจะได้ปฏิบัติตามความต้องการได้อย่างถูกต้อง<br /> ทั้งนี้ สามารถจะหาข้อมูลได้จาก L/C ที่ได้รับมา ถ้ามีเงื่อนไข อย่าละเลย ที่จะระบุเงื่อนไขลงไปในเอกสารนั้นๆ ให้ครบ<br />เอกสารใดที่ผู้ซื้อระบุมา แต่ไม่สามารถหาหน่วยงานใดออกให้ได้ ก็ให้ทำการตกลงกับผู้ซื้อเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะปฏิบัติการส่งมอบสินค้า<br />บัตรลายมือชื่อ บัตรลายมือชื่อมีไว้เพื่อประกอบการติดต่อกับกรมศุลกากรว่าด้วยการนำเข้าและ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ทุกเรื่อง เป็นบัตรลายมือชื่อเจ้าของ หรือผู้จัดการและผู้รับมอบอำนาจเพื่อประกอบการยื่นเอกสารในการผ่านพิธีการของกรมศุลกากร โดยยื่นคำร้องต่อฝ่ายทะเบียนผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>และนำเข้า สำนักเลขานุการ กรมศุลกากร หรือที่ด่านศุลกากรทั่วราชอาณาจักร<br />เมื่อเตรียมเอกสารประกอบการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ครบแล้ว และถึงเวลาตามที่ได้สัญญากับผู้ซื้อไว้แล้ว สินค้าพร้อมแล้ว ก็ทำการผ่านพิธีศุลกากร เพื่อทำการตรวจสอบสินค้าว่าตรงกับใบกำกับสินค้า ใบรายการบรรจุหีบห่อ แหล่งกำเนิดสินค้า การชำระภาษีอากร การออกใบขนสินค้า การควบคุม การบรรจุสินค้าเข้าตู้ ขึ้นเรือ หรือขึ้นพาหนะที่ใช้ขนสินค้า<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br />จากนั้น นำสินค้าที่จะ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ส่งมอบแก่ผู้ทำการขนส่ง ซึ่งได้จองระวางไว้ล่วงหน้าแล้ว และรับใบตราส่งเมื่อส่งมอบสินค้าเรียบร้อย ใบตราส่งมี 5 ประเภทด้วยกันซึ่งขึ้นอยู่กับพาหนะที่ท่านใช้ขนส่ง เช่น<br />- ใบตราส่งทางเรือ Bill of Lading (B/L)<br />- ใบตราส่งทางอากาศ Airways Bill (AWB.)<br />- ใบตราส่งทางรถไฟ Railways Receipt<br />- ใบตราส่งทางรถบรรทุก Truck’s Receipt<br />- ใบตราส่งทางไปรษณีย์ Parcel’s Receipt<br />ผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>จะต้องตรวจสอบใบตราส่งให้ละเอียดตามเงื่อนไข อย่าให้ผิดพลาดจากข้อกำหนด ก่อนนำไปยื่นขอขึ้นรับเงินกับธนาคาร<br />เมื่อเสร็จสิ้นการตรวจปล่อยสินค้าแล้วก็ถึงขั้นตอนสำคัญ คือ การเรียกเก็บและชำระเงินค่าสินค้า<br />เอกสารที่ต้องส่งเรียกเก็บเงินจากผู้ซื้อนั้นกำหนดได้จากเอกสารที่สั่งซื้อเป็นสำคัญ เอกสารที่จำเป็น คือ<br />ตั๋วแลกเงิน (Bill of Exchange) เป็นตราสารที่ผู้รับประโยชน์ตาม L/C หรือผู้ขายสินค้า เป็นผู้ออกตั๋วเงินเพื่อสั่งให้ผู้ซื้อสินค้าจ่ายเงินตามตั๋วแลกเงินภายในเวลา ที่ตกลงไว้ในสัญญา<br />ข้อควรระวังในการส่งเอกสารให้แก่ผู้ซื้อเพื่อเป็นหลักฐานในการเตรียมตัวออกของ หรือติดตามสินค้า ต้องเป็นเอกสารที่ประทับตรา Copy Not Negotiate เพื่อ ผู้ซื้อจะได้นำไปออกของไม่ได้จนกว่าการชำระเงินตามตั๋วแลกเงินจะสมบูรณ์ ธนาคาร ผู้เป็นตัวแทนจึงจะออกเอกสารในการออกของให้แก่ผู้ซื้อ นำไปออกของเพื่อจำหน่ายต่อไปได้<br /> และเพื่อเป็นการส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>อีกทางหนึ่ง กรมศุลกากรได้จัดให้มีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> โดยดำเนินการมาตรการหลักๆ ดังนี้<br />1. การคืนอากรวัตถุดิบที่นำเข้ามาผลิตเพื่อ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ตามมาตรา 19 ทวิ<br />2. การงดเว้นการเก็บอากรสำหรับของที่นำเข้าในคลังสินค้าทัณฑ์บน<br />3. การชดเชยค่าภาษีอากร<br />4. การยกเว้น ภาษีนำเข้าสำหรับเขตอุตสาหกรรม<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br />ซึ่งท่านสามารถติดต่อขอรับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว ได้ที่<br /> กรมศุลกากร<br /> ถนนสุนทรโกษา คลองเตย<br /> กรุงเทพฯ 10110<br /> โทร. 0-2249-0431 ถึง 40<br />และสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่<br /> Web Site : www.customs.go.th<br />จะเห็นได้ว่าธุรกิจการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าสู่ผู้ค้าในต่างประเทศนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก จนเกินความสามารถ เพียงแต่ให้ความสนใจในขั้นตอนการปฏิบัติที่สำคัญต่างๆ อย่างจริงจัง มีหูตากว้างไกล มีความจริงใจกับคู่ค้า ธุรกิจการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีแก่การทำธุรกิจได้ แต่ในการทำธุรกิจต่างๆ ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้นได้ ฉะนั้น เมื่อท่านมีปัญหา หรือขัดข้องสิ่งใดในการประกอบธุรกิจส่งออก กรมส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> กระทรวงพาณิชย์ ยินดีเป็นที่ปรึกษาและร่วมเดินไปในตลาดโลกด้วยเสมอ<br />กรมส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> <br />22/77 ถนนรัชดาภิเษก จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 <br />โทร. 0-2511-5066-77 ต่อ 286-288<br />สายด่วนผู้ส่งออก โทร. 1169<br /> 0-2512-5151<br /> 0-2511-5502<br />Web Site: www.depthai.go.th<br /> www.thaitrade.com<br /><br />หมายเหตุ : ปรับปรุงจากบทวีดิทัศน์ เรื่อง “ขั้นตอนการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>”<br /> จัดทำโดย ส่วนเทคโนโลยีฝึกอบรม<br /> สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ<br /> กรมส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br /><a href='http://www.webindexthai.com' target='_blank'><img src='http://www.webindexthai.com/banner/banner60.gif' alt='เพิ่มเว็บ สารบัญเว็บไทย โปรโมทเว็บไซต์' border='0'></a>Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-1346710427488388260.post-54205388457401457522010-09-12T19:47:00.000-07:002010-09-12T19:57:25.847-07:00เอกสารเพื่อการส่งออก<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TI2RQ0yIluI/AAAAAAAAAac/JNBcTY03Txg/s1600/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%816.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 146px;" src="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TI2RQ0yIluI/AAAAAAAAAac/JNBcTY03Txg/s200/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%816.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5516224836831581922" /></a><!-- AddThis Button BEGIN --><br /><a class="addthis_button" href="http://www.addthis.com/bookmark.php?v=250&username=xa-4c8d92f91d2634b0"><img src="http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif" width="125" height="16" alt="Bookmark and Share" style="border:0"/></a><br /><script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4c8d92f91d2634b0"></script><br /><!-- AddThis Button END --><br /><br />เอกสารเพื่อการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> (EXPORT DOCUMENT) สำหรับการขนส่งทางทะเล<br /><br /> วัตถุประสงค์ใหญ่ของเอกสารเพื่อการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> เพียงจัดให้มีรายละเอียดที่สมบูรณ์ของสินค้าเพื่อการผ่านขั้นตอนศุลกากรได้ถูกต้องรวดเร็ว นอกจากนั้นเอกสารยังทำหน้าที่ในการขนส่ง การชำระเงินและพิธีการทางเครดิต การประกันภัย และการเรียกร้องค่าเสียหายของสินค้าอีกด้วย<br /> ในครั้งนี้จะแนะนำถึงเอกสารซึ่งใช้กับการขนส่งทางทะเล ที่ผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ควรทราบตามลำดับดังนี้<br /> 1. BILL OF EXCHANGE (ตั๋วและเงินหรือดราฟท์)<br /> เป็นตราสารที่ผู้รับประโยชน์ (ผู้ส่งออก) เป็นผู้ส่งขายตั๋วแลกเงินคือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ชนิดหนึ่ง มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรโดยปราศจากเงื่อนไข ออกโดยบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่าย (DRAWEE) จ่ายเงินให้บุคคลที่สามเมื่อครบกำหนดเวลาเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน หรือจ่ายตามคำสั่งของบุคคลที่สามนั้น<br /> 2. EXPORT LICENCE (ใบอนุญาตส่งออก)<br /> ตามปกติแล้วสินค้าที่ต้องขอใบอนุญาต<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>มักจะเป็นสินค้าจำพวกวัตถุดิบเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีการขาดแคลน สินค้าที่ใช้ทางการทหาร หรือในบางครั้งการกำหนดให้มีการขอใบอนุญาต<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ถ้าเป็นผลมาจากนโยบายการเมืองระหว่างประเทศ เช่น การลงโทษทางเศรษฐกิจต่อประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นต้น<br /> 3. CERTIFICATE OF ORIGIN (C/O) (ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า)<br /> วัตถุประสงค์หลักของเอกสารนี้คือ การเรียกร้องสิทธิพิเศษทางภาษีสินค้าในประเทศที่นำเข้าหมายถึงการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าจากประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย ไปยังประเทศที่ให้สิทธิพิเศษทางศุลกากรหรือเรียกว่า จี.เอส.พี (GSP) นั้น เอกสารนี้ จะเป็นเครื่องแสดงถึงแหล่งกำเนิดสินค้าของประเทศผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>เพื่อให้ประเทศนำเข้ายอมรับและให้สิทธิพิเศษดังกล่าว นอกจากนี้ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้านี้จะใช้สำหรับการพิสูจน์ด้วยว่าสินค้านั้นไม่ขัดต่อกฎเกณฑ์การนำเข้าของประเทศนั้น ๆ ด้วย<br /> ฉะนั้นการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า หรือ c/o จะสามารถกระทำได้ 2 ลักษณะคือ<br /> - การรับรองเพื่อใช้สิทธิพิเศษทาง ศุลกากรจะต้องรับรองโดยส่วนราชการผู้รับผิดชอบในเอกสารนี้ คือ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์<br /> - การรับรองเพื่อการค้าขายทั่วไปหรือเมื่อลูกค้าต้องการ สามารถออกใบรับรองได้โดยสภาหอการค้าเพื่อรับรองต้นกำเนิดของสินค้านั้น<br /> 4. CERTIFICATE OF VALUE (ใบรับรองมูลค่าสินค้า)<br /> บางครั้งมูลค่าสินค้าที่แสดงในใบกำกับสินค้า (INVOICE) อาจต้องได้รับการยืนยันโดยใบรับรองมูลค่าสินค้า ซึ่งต้องมีลายเซ็นของผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>กำกับอยู่ด้วย โดยระบุความจริงทางราคาอย่างชัดเจน หรือไม่ทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่น ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายได้เลยในเรื่องราคาซื้อซึ่งการระบุเช่นนี้จะปรากฎใน Consular Invoice เช่นเดียวกัน<br /> 5. CERTIFICATE OF WEIGHT (ใบรับรองน้ำหนักของสินค้า)<br /> เป็นเอกสารแสดงน้ำหนักของสินค้าทั้งจำนวน อาจจะออกโดยบริษัทหรือ สำนักงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้าหรือส่วนราชการ ใบรับรองนี้อาจระบุโดยผู้ส่งออกได้ เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะระบุเป็นอย่างอื่น<br /> ใบรับรองแสดงน้ำหนักของสินค้า ต้องรับรองน้ำหนักของสินค้าตามที่ระบุในใบกำกับสินค้าและจะต้องไม่ขัดกับเอกสารอื่น ๆ ตามที่เลตเตอร์ออฟเครดิตระบุไว้<br /> 6. CERTIFICATE OF INSPECTION ( ใบรับรองการตรวจสอบ )<br /> ผู้ซื้อบางรายต้องการใบรับรองการตรวจสอบ เพื่อแน่ใจว่าสินค้าที่สั่งซื้อนั้นเป็นไปตามมาตราฐานผู้ส่งออกต้องจัดการเรื่องเหล่นี้ให้ลูกค้าของตนเอง<br /> 7. CERTIFICATE OF HEALTH หนังสือรับรองคุณภาพและอนามัย<br /> การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าประเภทอาหารและผลิตผลทางการเกษตร ประเทศผู้ซื้อสินค้าส่วนใหญ่จะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับสิ่งปนเปื้อนทั้งทางเคมีและทางจุลชีวะตลอดจนซากสัตว์สิ่งสกปรกและสารพิษต่าง ๆ ทั้งนี้จะมีการตรวจวิเคราะห์อยู่เป็นประจำ สินค้าซึ่งมีการปริมาณสิ่งเจือปนดังกล่าวสูงกว่ากำหนดอาจถูกกันหรือห้ามเข้า ดังนั้น การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ทางเกษตรจึงต้องมีหนังสือคุณภาพและอนามัยแสดงให้ทราบถึงความปลอดภัยในการบริโภคไปด้วย จึงจะอนุญาตให้นำเข้า<br /> การส่งออกสินค้าของไทยที่ต้องมีใบรับรองคุณภาพ จึงมีหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการตรวจสอบคุณภาพหลายหน่วยงานด้วยกัน อาทิ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานที่การตรวจสอบคุณภาพและออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้ส่งออกมานานและเป็นที่รู้จักทั่วไป การขอรับรองหนังสือรับรองประเภทต่าง ๆ ต้องยื่นคำร้องแจ้งความจำนงขอรับหนังสือรับรองคุณภาพอาหารเพื่อส่งไปยังประเทศผู้ซื้อใดพร้อมส่งตัวอย่างสินค้าที่ผลิตเพื่อวิเคราะห์ด้วย เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามมาตราฐานของประเทศที่ส่งไปก่อนที่จะออกหนังสือรับรองให้เช่นตัวอย่างต่อไปนี้<br /> - ใบรับรองคุณภาพมาตราอาหาร : Analysis and Health Certificate<br /> - ใบรับรองปริมาณสารปรอท : Mercury Certificate<br /> - ใบรับรองอาหารสดแช่แข็งส่งไปยังประเทศฝรั่งเศส : Health Certificate Model I<br /> - ใบรับรองอาหารกระป๋องส่งออกไปยังประเทศฝรั่งเศส : Health Certificate Mode II<br /> - ใบรับรองคุณภาพอาหารแห้ง และ อื่น ๆ : Health Certificate Mode II<br /> กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งของทางราชการที่สามารถให้การรับรองคุณภาพอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร มีวัตถุประสงค์ให้บริการวิเคราะห์ตรวจสอบและออกใบรับรองคุณภาพอาหารและผลิตเกษตร , เพื่อการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ให้ได้มาตราฐานและคุณภาพตรงตามมาตราฐานของนานาประเทศ และเพื่อลดปัญหาการเกษตรของไทยอีกด้วย ผู้ผลิต หรือ ผู้<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> สินค้าในกลุ่มอาหารและผลิตภัณฑ์ควรศึกษาข้อมูลได้ที่ กองเกษตรเคมี กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตัวอย่างเอกสาร “หนังสือรับรองคุณภาพอาหาร” ที่ออกให้หน่วยงานที่กล่าวมานี้<br /> - ใบรับรองการตรวจสอบอาหารปนเปื้อน : SANITARY CERTIFICATE<br /> - ใบรับรองผลการวิเคราะห์ทางเคมี : MYCOTOXIN CERTIFICATE<br /> - ใบรับรองการวิเคราะห์ปริมาณสารพิษ : ANALYSIS CERTIFICATE<br /> - ใบรับรองการตรวจปริมาณโลหะหนักฯ : HEAVY CERTIFICATE<br /> ในปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวกับการออกใบรับรองคุณภาพของสินค้าอยู่หลายหน่วยงานด้วยกัน ควรจะพิจารณาความเหมาะสมล่วงหน้าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้<br /> - กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข<br /> - กองเกษตรเคมี กรมวิชาการเกษตร กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์<br /> - กรมวิทยาศาสตร์การบริการ กระทรวงอุตสาหกรรม<br /> - มหาวิทยาลัยมหิดล<br /> - คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br /> - สถาบันค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์อาหาร ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br /> - สภาวิจัยฯ<br /> 8. OCEAN BILL OF LADING ( B/L ) ( ใบตราส่งสินค้าทางทะเล )<br /> เป็นเอกสารสำคัญที่สุด เมื่อมีการส่งสินค้าทางทะเล Bill of Lading เป็นใบรับรอง มอบสินค้าของบริษัทเรือที่ทำการส่งออก (ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดต่อไป )<br /> ใบตราส่งสินค้าทางทะเล เป็นเอกสารแสดงสิทธิในสินค้า และเป็นหลักฐานสัญญาของบริษัทเรือที่จะขนส่งสินค้าทางเรือ ของประเทศส่งออกไปยังท่าเรือปลายทาง ใบตราส่งสินค้ามีหลายชนิดดังนี้ คือ<br /> 9. CLEAN B/L คือใบตราส่งสินค้าที่บริษัทเรือไม่ได้บันทึกแจ้งข้อบกพร่องของสินสินค้า / หรือ การบรรจุหีบห่อ<br /> 10. NON-NEGOTIABLE OR STRAIGHT B/L<br /> เป็นใบตราส่งสินค้าที่ยินยอมให้มีการส่งมอบให้แก้ผู้รับสินค้า (CONSIGNER )ที่ระบุไว้เท่านั้น จะโอนให้ผู้อื่นมารับไม่ได้<br /> 11. ORDER B/L<br /> ใบตราส่งสินค้าที่ออก โดยมีการส่งมอบสินค้าตามคำสั่ง ( ORDER ) ปกติตามคำสั่งของผู้ส่งสินค้าหรืออาจเป็นลอย ๆ ซึ่งต้องมีการสลักหลังโดยผู้ส่งสินค้าเพื่อเป็นการโอนสิทธิ์ในสินค้าให้กับผู้ทรง ( HOLDER ) หรือผู้ที่ได้รับการโอนสิทธิ์ให้ โดยเจาะจงการสลักหลังใบตราส่งสินค้ามาถึงแล้วเท่านั้น<br /> 12. ORDER “ NOTIFY” B/L<br /> เหมือนกับใบตราส่งสินค้าชนิด “ ORDER” เพียงแต่เพิ่มข้อความในใบตราส่งสินค้า ว่าเมื่อสินค้าถึงเมืองท่าปลายทางแล้ว ตัวแทนบริษัทเรือที่มีเมืองท่าปลายทาง จะแจ้งให้กับผู้รับสินค้าทราบการแจ้งนี้ไม่ถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ ในสินค้านั้นให้กับผู้รับแจ้ง เพียงเป็นเรื่องแจ้งให้ทราบว่าสินค้ามาถึงแล้วเท่านั้น <br /> เป็นตราสารแสดงสิทธิ์ของผู้ทรงและเปลี่ยนมือได้ (NEGOTIABLE INSTRUMANT) คือเป็นเอกสารแสดงสิทธิในสินค้าและโอนสิทธิต่อ ๆ กันได้ BILL OF LADING นี้ยังแบ่งออกเป็น<br /> 13. “ THROUGH” BILL OF LANDING เป็นใบตราส่งออกในกรณีที่การขนส่งทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งระบุการขนส่งไว้ตลอดทาง ปกติผู้รับขนส่งคนแรกจะเป็นผู้ออกใบตราส่งชนิดนี้<br /> 14. “RECEIVED FOR SHIPMENT” BILL OF LANDING เป็นใบตราส่งสินค้าชนิดที่มีลักษณะเป็นเพียงสัญญาแสดงว่าได้รับการสินค้าไว้เพื่อจะทำการขนส่ง แต่ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าสินค้าได้ขึ้นเรือลำที่ระบุไว้เป็นการเรียบร้อยแล้ว<br /> 15. “SHIPPED ON BOARD ” BILL OF LADING เป็นใบตราส่งซึ่งแสนดงว่าสินค้าได้ขึ้นเรือระวางเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว<br /> 16. “CHARTER PARTY ” BILL OF LADING เป็นใบตราส่งที่ผู้รับขนได้เช่าเรือของผู้อื่นมารับทำการขนส่งสินค้าซึ่งระบุเงื่อนไขให้สัญญาขนส่งติดแยกจากใบตราส่งชนิดอื่น<br /> 17. THE COMMERCIAL INVOICE ( ใบกำกับสินค้าหรือบัญชีราคาสินค้า )<br /> มีสาระสำคัญในใบกำกับสินค้า ควรตรวจสอบให้ถูกต้อง มีที่น่าสนใจอีกคือ<br /> - สินค้าในใบกำกับสินค้า จะต้องไม่แสดงว่าเป็น “สินค้าที่ใช้แล้ว” ( USED ) “ สินค้าที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่ ” ( REBUILT ) หรือ “ สินค้าที่เปลี่ยนมือ ” ( SECONDHAND) เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะอนุญาตไว้โดยเฉพาะใบกำกับสินค้าจะต้องมีการประทับตรารับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยสถานฑูต หรือ กงสุลที่เกี่ยวกับ ถ้าเลตเตอร์ออฟเครดิตระบุไว้ เครื่องหมายและตัวเลขบนหีบห่อ ( SHIPPED MARKS & NUMBERS ) ในใบกำกับสินค้าจะเหมือนกับใบตราส่ง ( BILL OF LADING ) และ / หรือ เหมือนกับเอกสารการส่งสินค้าอื่น ๆ และ / หรือ เหมือนกับเครื่องหมายหีบห่อ และตัวเลขที่กำหนดไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิต ใบกำกับสินค้า จะต้องไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ เช่น ค่านายหน้า (COMMISSION )<br />ค่าเก็บรักษาสินค่า ( STORE CHARGES ) ค่าโทรเลข (CABLE CHARGES ) ค่าธรรมเนียม ในการส่งสินค้าล่าช้ากว่าที่กำหนด ( DEMURRAGE ) เป็นต้น เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตที่จะกำหนด<br /> - ถ้ายังไม่มีการยื่นใบกำกับสินค้าชนิดชั่วคราว ( PROVISIONAL INVOICE ) ธนาคารจะไม่รับใบกำกับสินค้าชนิดชั่วคราว ยกเว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตที่กำหนดไว้<br /> - ถ้าเลตเตอร์ออฟเครดิตอนุญาตให้มีการส่งสินค้าเป็นบางส่วน ( PARTIAL SHIPMENTS ) มูลค่าของสินค้าในกำกับสินค้าจะต้องได้สัดส่วนกับจำนวนสินค้าที่แบ่งส่งนั้น<br /> 18. CUSTOMS INVOICE ( ใบกำกับสินค้าของศุลกากร )<br /> ในทางประเทศจะกำหนดให้ใช้ใน CUSTOMS INVOICE โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ และ ประเทศในอัฟริกาบางประเทศ<br /> ลักษณะของใบ CUSTOMER INVOICE คือ ใบกำกับสินค้า ( OFFCIAL INVOICE ) ที่จะต้องเตรียมเป็นฟอร์มพิเศษ ออกโดยผู้มีอำนาจทางศุลกากรระบุราคาสินค้าทางศุลกากรเพื่อสะดวกในการคำนวณภาษีปกติรายการสินค้า แต่ละชนิดจะแยกราคาสินค้าระหว่างเรือและค่าเบี้ยประกันออกจากกัน <br /> ตัวอย่างประเทศที่ใช้ในใบกำกับสินค้าของศุลกากร หรือ CUSTOMER INVOICE นี้ ได้แก่แคนาดา,ฟิจิ, ชามัว, แซนเนีย , กานา ไนจีเรีย และ อิสราเอล<br /> สำหรับ CANADA CUSTOMER INVOICE นั้นกรมศุลกากรแคนาดาได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและแบบฟอร์มแบบใหม่โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2528 เป็นต้นมา กรมศุลกากรแคนาดาไดแจ้งรายละเอียดในการกรอกแบบฟอร์มใหม่นี้สรุปสาระสำคัญดังนี้<br /> - การส่งสินค้าไปยังแคนนาดา เพื่อการค้าทั้งหมดหากมีมูลค่าเท่ากัน หรือสูงกว่า 800 เหรียญแคนาดา ( เดิมกำหนด 500 เหรียญแคนนาดา ) แล้วจะต้องส่งเอกสาร CANADA CUSTOMER INVOICE ซึ่งระบุรายละเอียดตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดไว้<br /> - CUSTOMER INVOICE ของแคนนาดาอาจจัดเตรียมได้ทั้งผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้า หรือตัวแทนจำหน่าย<br /> - รายละเอียดในใบ CUSTOMER INVOICE จะต้องระบุชื่อผุ้ซื้อและผู้ขายสินค้าแยกรายละเอียดของราคาสินค้าออกจากค่าขนส่งค่าบรรจุหีบห่อ เพื่อส่งออกให้ชัดเจน โดยปกติการใช้ CANADA CUSTOMER INVOICE<br /> 19. CONSULAR INVOICE (ใบกำกับสินค้าของกงสุล )<br /> กฎเกณฑ์การนำเข้าของบางประเทศ กำหนดไว้จะต้องมีใบกำกับสินค้า ซึ่งรับรองโดยสถานฑูตของคนที่ตั้งอยู่ในประเทศของผู้ขาย เพื่อรับรองราคา ดังนั้น จึงขอให้สถานฑูตกงสุลเป็นผู้ออกใบกำกับราคา ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียม ให้สถานกงสุลตามระเบียบนั้น สาระสำคัญที่ควรเป็นข้อสังเกตในแบบฟอร์มนี้ ได้แก่<br /> - แบบฟอร์มใบกำกับราคาสินค้าสที่ออกดดยสถานกงสุลต้องได้รับการประทับตราทางราชการ และลงนาม โดยสถานกงสุลของประเทศที่นำเข้า เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะอนุญาตให้ใบกำกับราคาสินค้านั้น ๆ ออกโดยสถานกงสุลของประเทศพันธมิตรอื่น ๆ<br /> - จะต้องกรอกข้อความที่ต้องการลงในช่องว่างที่กำหนดให้สมบูรณ์ ในบางประเทศ จะคิดค่าปรับสำหรับการละเว้นการเติมข้อความในแบบฟอร์มนั้นด้วย<br /> - ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความใน CONSULAR FORMS ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจะต้องมีหนังสือของสถานกงสุลนั้นกำกับ หากไม่มีหนังสือกำกับ บางประเทศอาจคิดว่าปรับได้<br /> ตัวอย่างประเทศที่ใช้ใบกำกับสินค้าของกงสุล เช่น ประเทศโบลิเวีย ซึ่งจะเรียกว่า OFFICIAL COMERCIAL INVOICE นอกจากนี้มี 4ประเทศที่ใช้และต้องแปลเป็นภาษาสเปน ได้แก่ สาธารณรัฐโดมินิกัน ฮอนดูรัส , ปารากวัย และ ปานามา (ซึ่งใช้ทั้งภาษาอังกฤษและสเปน ) โดยปกติจะใช้สำเนา 3-5 ฉบับ<br /> 20. F.T. 1 ( Foreign Transaction ) แบบธุรกิจต่างประเทศ ธ.ต. 1<br /> ธ.ต. 1 คือแบบพิมพ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตาม พรบ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน พ.ศ. 2485 เป็นรายงานการส่งออก ๖ใช้สำหรับการส่งออกที่มีมูลค่าครั้งละเกินกว่า 500,000 บาท ) ซึ่งผู้ส่งออกเป็นผู้ยื่นประกอบใบขนสินค้าขาออกโดยจัดทำ 2 ฉบับ คือ 1.) ต้นฉบับ 2.) สำเนา แบบพิมพ์ ธ.ต. 1 นี้ขอรับได้จากกรมศุลกากร และไม่ต้องมีการรับรองจากธนาคารพาณิชย์<br /> 21. CERTIFICATE OF FUMIGATION (ใบรับรองการรมยา)<br /> สำหรับสินค้าทุกชนิดที่เป็นผลิตภัณฑ์จากพืช เพื่อเป็นการทายศัตรูพืชทุกชนิดนอกจากนั้น เป็นการทำลายเชื้อราต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการขนส่งสินค้า ดังนั้นกรรมวิธีการรมควันจึงเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุได้อย่างดี<br /> 22. CUSTOMS ENTRY FORM (ใบขนสินค้าที่ใช้ทางศุลกากรของแต่ละประเทศ)<br /> ซึ่งจะมีใช้ทั้งการนำสินค้าเข้าและการส่งสินค้าออก โดยแต่ละประเทศจะกำหนดขึ้นใช้ตามความหมาะสม เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบพิธีการ ชำระภาษีอากร และการตรวจปล่อยสินค้า จากการอารักขาของศุลกากร ปัจจุบันใบขนส่งสินค้าของกรมศุลกากรของไทยได้ใช้แบบอย่างตามเอกสารกระทัดรัดและสะดวกต่อการเก็บรักษาอีกด้วย<br /> 23. PHYTOSANITARY CERTIFICATE (ใบรับรองการปลอดโรคและศัตรูของพืชทุกชนิด)<br /> เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคพืชต่าง ๆ เอกสารชนิดนี้ออกโดยหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับการรับรองจากนานชาติ สำหรับกรรมวิธีการปฏิบัตินั้นอาจใช้บริการ ศึกษาได้จากหัวข้อ การส่งออก สินค้าเกษตร<br /> 24. CERTIFICATE OF ANALYSIS (ใบวิเคราะห์สินค้า)<br /> เป็นเอกสารแสดงการตรวจสอบสินค้าทางวิทยาศาสตร์ ให้ทราบถึงส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสินค้าและให้การรับรองเป็นเอกสาร ถ้าเป็นอาหารที่บริโภคได้ก็จะวิเคราะห์ออกมาว่าไม่มีสิ่งเจือปนที่เป็นพิษตามหลักเกณฑ์สากล หรือมาตรฐานที่แต่ละประเทศกำหนด ถ้าเป็นเคมีภัณฑ์ก็แยกออกมาให้ทราบถึงส่วนผสมที่มีอยู่ เพื่อสะดวกแก่การนำสินค้าดังกล่าวเข้าประเทศ<br /> 25. CERTIFICATE OF VACINATION (ใบรับรองการฉีดวัคซีน)<br /> ซึ่งใช้กับสิ่งมีชีวิตที่เป็นสินค้าทุกชนิด เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอาจเป็นพาหะนำโรคไปเผยแพร่ทุกประเทศจึงมีการเข้มงวดกวดขันป้องกัน การจะนำพาหรือส่งออกเป็นสินค้าจำเป็นต้องมีหนังสือรับรองการปลอดโรค ผู้ซื้อจึงจะสามารถนำเข้าประเทศได้<br /> 26. INSURANCE CERTIFICATE (ใบรับรองการประกันภัย)<br /> การประกันภัยเป็นส่วนสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ คือสินค้าได้รับการคุ้มครองความเสียหายจากภัยที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หลักฐานเอกสารที่สำคัญก็คือ สัญญาประกันภัย ที่เรียกว่า กรมธรรม์ เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันตกลงยินยอมประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ผู้รับประกันตามอัตราที่ตกลงกัน สำหรับสัญญาประกันภัย หรือกรมธรรม์ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ<br /> กรมธรรม์ที่กำหนดมูลค่าของสินค้าในการขนส่งแต่ละเที่ยว ตามมูลค่าสินค้าที่ตกลงซื้อขาย และคิดเพิ่มอีก 10% นั่นเอง สำหรับหลักฐานทางเอกสารที่ออกให้ก็คือ กรมธรรม์ประกันภัย (INSURANCE POLICY)<br /> กรมธรรม์เปิด OPEN POLICY OR OPEN COVER หรือจัดให้มีกรมธรรม์ลอยที่เรียกว่า FLOATING INSURANCE หมายถึงการซื้อขายสินค้ารายใหญ่ที่ต้องมีการส่งมอบกันหลายเที่ยว ย่อมไม่สะดวกในการแจ้งบริษัทประกันภัยทุกครั้งที่ส่งไปจึงนิยมใช้แบบกรมธรรม์เปิดหรือกรมธรรม์ลอย และยังเป็นการประหยัดค่าธรรมเนียมพร้อมอากรแสตมป์อีกด้วย ที่สำคัญก็คือ ได้รับความคุ้มครองโดยอัตโนมัติสำหรับสินค้าที่ส่งไปทุกเที่ยวจนกว่าจะหมดตามสัญญา ดังนั้น สินค้าที่ส่งไปแต่ละเที่ยวบริษัทผู้รับประกันจึงออก หนังสือรับรองประกันภัย INSURANCE CERTIFICATE แทนกรมธรรม์ให้เท่านั้น<br /> ใบรับรองการประกันภัย (INSURANCE CERTIFICATE) เป็นเอกสารที่สำคัญในการนำเข้าตามกฎเกณฑ์ของบางประเทศที่ต้องแนบไปด้วย ในเงื่อนไขการซื้อขายของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (CIF) เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และบางประเทศในยุโรป เป็นต้น<br /> 27. PACKING LIST (ใบรายการบรรจุหีบห่อ)<br /> เป็นเอกสารที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้ทราบถึงการบรรจุสินค้าลงไปในบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบสินค้าทั้งต้นทางและปลายทางสำหรับสินค้าปกติเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะใช้วิธีการสุ่มตรวจตามอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยจะไม่ทำการตรวจสินค้าทั้งหมดด้วยการเปิดหีบห่อ ซึ่งอาจทำให้บรรจุภัณฑ์และสินค้าเกิดการเสียหายหรือสูญหายได้ ดังนั้น ใบรายการบรรจุหีบห่อควรรายละเอียดให้เพียงพอ<br /> 28. SANITARY CERTIFICATE (ใบรับรองการตรวจสอบอาหารที่เป็นของสดหรือแช่แข็ง)<br /> ใบรับรองประเภทนี้จะออกให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อรับรองว่าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์ที่ส่งออกไปปลอดโรคและสิ่งปนเปื้อนที่จะเป็นอัตรายต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดที่ประเทศผู้ซื้อกำหนดด้วย สำหรับหน่วยงานที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองประเภทนี้เป็นไปตามส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าประเภทสัตว์น้ำจะออกใบรับรองโดย กรมประมง เป็นต้น<br /> ข้อสรุปในการจัดทำเอกสาร-เพื่อการส่งออกควรจัดทำไว้เป็น 2 ชุด<br /> ชุดที่ 1. ใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากรภายในประเทศ สำหรับสินค้าส่งออก ตามระเบียบของกรมศุลกากรทุกประเภท<br /> ชุดที่ 2. เป็นชุดที่ต้องจัดส่งไปให้ผู้รับสินค้าปลายทาง หรือผู้ซื้อนั่นเอง ควรทำและจัดหาให้ครบตามที่ผู้ซื้อต้องการ หรือ ถ้าเป็นการขายสินค้าโดยมี แอล.ซี. ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนตามที่ L/C ได้กำหนดไว้ ซึ่งต้องลงรายละเอียดและหาข้อมูลตามเงื่อนไขโดยถูกต้องด้วย<br /><br /><br />ที่มา http://ethaitrade.com, วันที่ 20 ต.ค. 2552<br />http://www.logisticscorner.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1263:-export-document-&catid=39:import-export&Itemid=85Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1346710427488388260.post-32262215956145422212010-09-11T01:09:00.000-07:002010-09-11T02:39:41.698-07:00ส่งออกสินค้าเกษตรเพิ่ม<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TIs5-ERkGfI/AAAAAAAAAaU/oR38q_T30nA/s1600/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%815.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 150px;" src="http://2.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TIs5-ERkGfI/AAAAAAAAAaU/oR38q_T30nA/s200/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%815.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5515565907107387890" /></a><br /><!-- AddThis Button BEGIN --><br /><a class="addthis_button" href="http://www.addthis.com/bookmark.php?v=250&username=xa-4c8b39a1527b7ddd"><img src="http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif" width="125" height="16" alt="Bookmark and Share" style="border:0"/></a><br /><script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4c8b39a1527b7ddd"></script><br /><!-- AddThis Button END --><br />หลังเปิดเสรีการค้าอาเซียน<br />วันที่ 1 ม.ค. 2553 ที่ผ่านมา ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้า มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์แบบ กล่าวคือ กำแพงภาษีที่เคยเป็นอุปสรรคทางการค้า รวมไปถึงมาตรการที่มิใช่ภาษีของประเทศสมาชิกอาเซียนจะถูกยกเลิกทั้งหมดทำให้การค้าการขายภายในอาเซียนมีความเสรีมากยิ่งขึ้นตามข้อตกลงอาฟต้า ประเทศสมาชิกอาเซียนเดิม 6 ประเทศ คือ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย จะต้องลดภาษีสินค้าทั้งหมดเหลือ 0% แต่สมาชิกอาเซียนใหม่ 4 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จะลดเหลือ 0% ในปี 2558<br /> <br />โดยในการลดภาษีดังกล่าว อาเซียน จะมีรายการสินค้าอ่อนไหวและสินค้าอ่อนไหวสูงที่จะไม่ลดภาษีเหลือ 0% เพียง 93 รายการ จากรายการสินค้าทั้งหมด 8,300 รายการที่มีการค้าขายในอาเซียน โดยไทย มีเพียง 4 รายการที่จะลดภาษีสุดท้ายเหลือ 5% คือ ไม้ตัดดอก มะพร้าวแห้ง มันฝรั่ง และกาแฟ ขณะที่สินค้าข้าว เป็นสินค้าอ่อนไหวสูงของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และน้ำตาลทราย เป็นสินค้าอ่อนไหวสูงของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ <br />นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวว่า หากมองในแง่ดี การเปิดเสรีอาฟต้า จะช่วยให้สินค้าอุตสาหกรรมของไทย คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จะได้ประโยชน์จากการใช้วัตถุดิบในอาเซียน การแบ่งงานกันผลิตชิ้นส่วนที่แต่ละประเทศสมาชิกมีความได้เปรียบ ส่งผลให้อุตสาหกรรมของไทยสามารถพัฒนาตัวเองเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ ขณะที่สินค้าเกษตรไทยจะได้ประโยชน์ในการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com">ส่งออก</a>โดยที่เห็นได้ชัดคือ ภายหลังการเปิดเสรีการค้าอาเซียน สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้ทำการประเมินสถิติการนำเข้าและ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com">ส่งออก</a>สินค้าเกษตร ภายหลังการเปิดเสรีการค้าอาเซียน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 ถึงเดือนพฤษภาคม 2553 พบว่ามูลค่าการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับอาเซียนคิดเป็นจำนวน 99,394 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าการค้าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 54.90% แบ่งเป็น มูลค่าการส่งออก 81,729 ล้านบาท มูลค่าการนำเข้า 17,665 ล้านบาท โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าประมาณ 64,064 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มสินค้าที่ไทยขยายการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com">ส่งออก</a>มากขึ้น เช่น ข้าวและธัญพืช มีมูลค่าการส่งออกจำนวน 15,146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104% ผลิตภัณฑ์แป้งจากธัญพืช มีมูลค่าการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com">ส่งออก</a>จำนวน 5,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 257% กลุ่มน้ำตาลและขนมที่ทำจากน้ำตาล มีมูลค่าการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com">ส่งออก</a>จำนวน 26,775 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 185% สำหรับกลุ่มสินค้าที่มีการขยายการนำเข้ามากขึ้น เช่น กลุ่มสินค้านม ไขมัน น้ำมันจากพืชและสัตว์ เป็นต้น<br /> <br />อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com">ส่งออก</a>สินค้าเกษตรในภาพรวมประเทศไทยจะได้เปรียบดุลการค้า แต่กระทรวงเกษตรฯ ยังเตรียมความพร้อมในการใช้มาตรการปกป้องพิเศษของความตกลงว่าด้วยการ เกษตร หรือ SSG ภายใต้การเปิดเสรี การค้าอาเซียน โดยในส่วนของการเตรียมความพร้อมการใช้มาตรการปกป้องพิเศษ นั้น เตรียมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตาม เฝ้าระวังและเตรียมตัวเลขที่ได้คำนวณหาค่าเกณฑ์ปริมาณและราคา นำเข้าไว้แล้ว และกรมการค้าต่างประเทศเพื่อพิจารณาเร่งรัดการพิจารณาออกประกาศหรือกฎหมายลูกเกี่ยวกับมาตรการปกป้องพิเศษต่อไป เพื่อเป็นการปกป้องผลผลิตสินค้าเกษตรภายในประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากสินค้าจากประเทศอื่นที่ทะลักเข้ามาจนผิดปกติ และกระทรวงเกษตรฯ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรยังได้ร่วมกับกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง จัดทำร่างบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ว่าด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลการนำสินค้าเข้า และการส่งสินค้าออก เพื่อเป็นประโยชน์ในการประมวลผลการออกรายงานสถิติในภาพรวมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย <br /> <br />ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการลงนามความร่วมมือข้อตกลงฉบับดังกล่าวของทั้งสอง กระทรวงในเร็ว ๆ นี้.<br />http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=346&contentID=88656<a href="http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=346&contentID=88656"></a><br /><br /><a href="http://unlimited-backlinks.blogspot.com/" target="_blank"><img alt="Unlimited Backlinks" src="http://i46.tinypic.com/2ro02nr.jpg"/></a><br /><!-- Dont edit this code or it will not work --><a target="_blank" href="http://www.usbacklink.co.cc/" title="Free Auto Backlinks"><img border="0" alt="Free Auto Backlinks" src="http://i772..com/albums/yy6/free_backlink/backlink/usbacklink.gif" /></a><!-- End usbacklink.co.cc--><br /><!-- Start Backlink Code --><a target="_blank" href="http://www.6thorigin.com/freebacklinks/" title="Free Automatic Backlink"><img border="0" alt="Free Automatic Backlink" src="http://www.6thorigin.com/freebacklinks/images/backlink.gif" /></a><!-- End Backlink Code -->Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1346710427488388260.post-83866209099047334322010-09-10T22:58:00.000-07:002010-09-11T02:56:15.215-07:00ชูไทยเป็นฮับ แฟชั่น'มุสลิม อุตฯหนุนสุดตัว<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TIsbPvh7FSI/AAAAAAAAAaM/qJ9HUQUCEQA/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 181px; height: 200px;" src="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TIsbPvh7FSI/AAAAAAAAAaM/qJ9HUQUCEQA/s200/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%9C%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%A1.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5515532125916042530" /></a> <!-- AddThis Button BEGIN --><br /><a class="addthis_button" href="http://www.addthis.com/bookmark.php?v=250&username=xa-4c8b35486a9d45e4"><img src="http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif" width="125" height="16" alt="Bookmark and Share" style="border:0"/></a><br /><script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4c8b35486a9d45e4"></script><br /><!-- AddThis Button END --><br /><br /> นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวภายหลังแถลงโครงการ "พัฒนาเครื่องแต่งกายมุสลิมเพื่อการส่งออก" ประจำปี 2553 ว่าขณะนี้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกำลังส่งเสริมสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้ามุสลิมให้เป็นที่นิยมในตลาดโลกมากขึ้น โดยได้ให้ดีไซเนอร์ออกแบบชุดต้นแบบแฟชั่นเครื่องแต่งกายมุสลิม 50 ชุด ส่งให้ทูตพาณิชย์ไทยในกลุ่มประเทศมุสลิมทั้งตะวันออกกลาง อินเดีย และอาเซียน นำไปเผยแพร่เครื่องแต่งกาย ให้ผู้ค้าเสื้อผ้าแต่ละประเทศที่สนใจสั่งซื้อผู้ประกอบการจากประเทศไทยเพื่อผลักดันให้เป็นศูนย์กลางแฟชั่นมุสลิมชั้นนำระดับโลก รวมทั้งจะร่วมเดินทางไปจัดแสดงสินค้าประเทศต่างๆ เนื่องจากเห็นว่าตลาดเสื้อผ้ามุสลิมของไทยมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อีกมากและยังไม่มีเสื้อผ้ายี่ห้อระดับโลกที่เจาะตลาดกลุ่มนี้อย่างจริงจัง จึงเห็นเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย <br /> ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมจากประเทศแถบตะวันออกกลางและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียและบรูไนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยสนใจซื้อเสื้อผ้ามุสลิมจากไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในตลาดโบ๊เบ๊ ประตูน้ำ สำเพ็ง และหาดใหญ่ จึงมีแนวคิดที่จะผลักดันให้ตลาดเหล่านี้เป็นศูนย์กระจายสินค้าเสื้อผ้ามุสลิมของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี <br /> "มูลค่าตลาดเสื้อผ้ามุสลิมสำเร็จรูปในไทยปัจจุบันยังไม่มีการรวบรวมที่แน่ชัด แต่มูลค่าคร่าวๆ น่าจะอยู่ระดับหมื่นล้านบาท แต่ในกลุ่มที่เป็นสินค้าแฟชั่นยังมีมูลค่าไม่เยอะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท " นายอาทิตย์กล่าว.<br /><a target="_blank" href="http://www.celtic-cornwall.info/backlink.htm" title="Free Auto Backlink"><img border="0" alt="Free Auto Backlink" src="http://www.celtic-cornwall.info/autobacklink.gif"></a><br /><!-- Dont edit this code or it will not work --><a target="_blank" href="http://autobacklink.co.tv/" title="Free Auto Backlink"><img border="0" alt="Free Auto Backlink" src="http://autobacklink.co.tv/auto-backlink.png" /></a><!-- End autobacklink.co.tv --><br /><!-- Start Backlink Code --><a target="_blank" title="Cárdenas.net" href="http://www.xn--crdenas-hwa.net/"><img border="0" width="80" alt="Cárdenas.net" src="http://www.xn--crdenas-hwa.net/backlink.gif" height="15" /></a><!-- End Backlink Code -->Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-1346710427488388260.post-63223741756830975052010-09-10T22:47:00.000-07:002010-09-11T02:41:08.930-07:00เงินบาทแข็งทะลุ 30 จีดีพี หด<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://2.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TIsY1lEKtXI/AAAAAAAAAaE/3uB0FaJZIK4/s1600/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 180px; height: 200px;" src="http://2.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TIsY1lEKtXI/AAAAAAAAAaE/3uB0FaJZIK4/s200/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%87.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5515529477407028594" /></a> <!-- AddThis Button BEGIN --><br /><a class="addthis_button" href="http://www.addthis.com/bookmark.php?v=250&username=xa-4c8b35486a9d45e4"><img src="http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif" width="125" height="16" alt="Bookmark and Share" style="border:0"/></a><br /><script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4c8b35486a9d45e4"></script><br /><!-- AddThis Button END --><br /><br /><br />จ๊าก! บาทแข็งทะลุ30 เอกชนฉุนธปท.ไม่"อุ้ม" ขู่ลอยแพปลดพนักงาน คาด"ส่งออก-จีดีพี"หด<br /><br />บาทแข็งทะลุมาถึงระดับ 30 แล้ว ล่าสุดหลุด 31 แตะระดับ 30.86 บาทต่อดอลลาร์ ภาคเอกเชนโวยแหลกแบงก์ชาติไม่ทำอะไร ซ้ำยังเป็นต้นเหตุทำให้เงินไหลเข้า ด้วยการประกาศจะปรับขึ้นดอกเบี้ย อีก หอการค้า ขู่หากบาทแข็งต่อไปอีก บางธุรกิจอาจจะต้องปิดกิจการ-ปลดพนักงาน <br />สถานการณ์ค่าเงินบาทในตลาดการเงินล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กันยายน หลุดจากระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ลงไปเรียบร้อยแล้ว โดยนักค้าเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทยรายงานว่า การซื้อขายเปิดตลาดที่ 30.86-30.88 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 30.89-91 บาท ต่อดอลลาร์ จากปัจจัยหลักเดิมคือ การไหลเข้าของเงินต่างชาติ ซึ่งยังคงทำให้เงินบาทมีทิศทางที่แข็งค่าขึ้นได้อีก เนื่องจากแบงก์ชาติยังไม่แสดงท่าทีใดๆกับเรื่องนี้ <br /> นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การที่เงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 31 บาท/ ดอลลาร์ ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ซึ่งได้ให้แนวทางกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ไปแล้วว่า สามารถพิจารณาใช้มาตรการดูแลเงินทุนไหลเข้า-ออกได้ หากมีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แนวโน้มเงินบาทยังแข็งค่าอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า จะแข็งถึงระดับ 29 บาทหรือไม่ <br /> ด้านนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่าการปรับตัวของค่าเงินบาทช่วงนี้ คงเป็นไปตามกลไกตลาดในภูมิภาคเอเชีย ที่มีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเงินบาทของไทยไม่แตกต่างไปจากค่าเงินในภูมิภาคเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจนัก ทั้งนี้เชื่อว่า ทางธปท. น่าจะมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพออกมาควบคุมได้ หากค่าบาทปรับตัวผันผวนรุนแรง <br /> นายสมพันธ์ เอี่ยมรุ่งโรจน์ รักษาการกรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ลูกค้าของธนาคารฯยังไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ขณะนี้เริ่มมีการขาดทุนแล้ว และหากแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าไปเรื่อยๆภายใน 1 ถึง 2 ปี ลูกค้าที่เป็นผู้ส่งออกต้องล้มหายตายจากไปโดยเฉพาะบริษัทที่มีทุนน้อย <br /> ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ธปท.ควรออกมาส่งสัญญาณดูแลค่าเงินบาทให้ชัดเจนขึ้น เพราะที่ผ่านมามีการระบุเพียงว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่กระทบกับการส่งออก รวมทั้งยังมีการส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง ทั้งนี้ ธปท. ควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดความร้อนแรงของเงินบาท รวมทั้งนำมาตรการดูแลการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยใช้มาตรการเก็บภาษี จากส่วนต่างกำไรค่าเงิน 5-10 % สำหรับเงินที่เข้ามาลงทุนในไทยน้อยกว่า 3-6 เดือน <br /> "การประกาศขึ้นดอกเบี้ย ยิ่งทำให้เงินลงทุนยิ่งไหลเข้า และหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น อีก เห็นได้จากมีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้ มากกว่า 50,000 ล้านบาท หากค่าเงินบาทแข็งค่ารวดเร็ว หลุดกรอบ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงไตรมาสที่ 4 จะทำให้สูญเสียรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวอย่างน้อย 100,000 ล้านบาท และทำให้ จีดีพี ในไตรมาส 4 หดตัว 1% ส่งผลให้ จีดีพี ทั้งปี 2553 ขยายตัวไม่ถึง 7 % และกระทบต่อเนื่องไปถึงปี 2554 เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท จะทำให้ส่งออกหดตัว 3 % มูลค่าการส่งออกหายไป 200,000-300,000 ล้านบาท " นายธนวรรธน์ กล่าว<br /><br /><br /><br /><a href="http://www.plugboard.be/backlinks-blog/" target="_blank"><img src="http://www.plugboard.be/bouton/button.gif" alt="backlinks free" title="auto backlinks" border=0></a><br />Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1346710427488388260.post-72314198002915708212010-08-11T23:51:00.000-07:002010-09-11T00:55:16.255-07:00กลยุทธ์การส่งเสริมการส่งออก<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TGObgqGbItI/AAAAAAAAAZM/kx9gLySMhzI/s1600/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%812.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 156px;" src="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TGObgqGbItI/AAAAAAAAAZM/kx9gLySMhzI/s200/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%812.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5504414154936230610" /></a> <!-- AddThis Button BEGIN --><br /><a class="addthis_button" href="http://www.addthis.com/bookmark.php?v=250&username=xa-4c8b35486a9d45e4"><img src="http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif" width="125" height="16" alt="Bookmark and Share" style="border:0"/></a><br /><script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4c8b35486a9d45e4"></script><br /><!-- AddThis Button END --><br /><br />กลยุทธ์การส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br /><br />การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าอาหาร ปี 2552 ไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ยังคงอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าเริ่มชะลอการสั่งซื้อ ส่งผลให้การขับเคลื่อนของธุรกิจเริ่มชะลอตัวตาม ด้วยเหตุนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนจึงต้องร่วมมือกันในการกระตุ้นการขับเคลื่อน โดยเฉพาะการสร้างยุทธศาสตร์เชิงรุกและการสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทย อาทิ<br />- ส่งเสริมความหลากหลายของสินค้าและขยายตลาดให้เพิ่มขึ้น (Product and Market Diversification) <br />- สนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการจัดหาวัตถุดิบ เพื่อทดแทนการนำเข้าและลดต้นทุนการผลิต<br />- การสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เช่น การพัฒนาระบบการตรวจสอบสารปนเปื้อน และสารตกค้าง<br />- การทำความตกลงกับรัฐบาลในประเทศเพื่อนบ้านให้จัดส่งแรงงานมาทำงานในไทย โดยภาครัฐต้องกำหนดแนวทางจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถควบคุมการหลบหนี และย้ายเปลี่ยนงานบ่อย<br />- สนับสนุนให้ไทยเป็นฐานการแปรรูปสินค้ากุ้งสำเร็จรูป เพราะไทยได้เปรียบคู่แข่งเรื่องเทคโนโลยี เงินทุน การตลาด และอุตสาหกรรมสนับสนุน<br />- ส่งเสริมให้มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Added) และเพิ่มความหลากหลายของสินค้า (Product Diversification) <br />- ส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงเครือข่ายการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>และกระจายผลิตภัณฑ์อาหารไทยสู่ร้านอาหารไทยในต่างประเทศ<br /><a href="http://www.freepoker.org" target="_blank">Free Poker</a><br /><a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a><br /><a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">export</a>Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1346710427488388260.post-27990923859077583132010-08-11T23:34:00.000-07:002010-09-11T02:29:43.892-07:00ภาวะการส่งออกสินค้าอาหาร<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TGOXofVctBI/AAAAAAAAAZE/VnIJIsbkCAM/s1600/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%811.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 200px; height: 139px;" src="http://3.bp.blogspot.com/__tZjPS2z_Ss/TGOXofVctBI/AAAAAAAAAZE/VnIJIsbkCAM/s200/%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%811.JPG" border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5504409891438900242" /></a> <!-- AddThis Button BEGIN --><br /><a class="addthis_button" href="http://www.addthis.com/bookmark.php?v=250&username=xa-4c8b35486a9d45e4"><img src="http://s7.addthis.com/static/btn/v2/lg-share-en.gif" width="125" height="16" alt="Bookmark and Share" style="border:0"/></a><br /><script type="text/javascript" src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#username=xa-4c8b35486a9d45e4"></script><br /><!-- AddThis Button END --><br /><br /><br />ภาวะการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าอาหาร <br /> แม้ว่าจะมีการระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ 2009 เอช 1 เอ็น 1 แต่หลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนคาดการณ์ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าอาหารของไทย และคาดว่าทั้งปีนี้ยอดการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>อาหารจะมีมูลค่า ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 20,000 ล้านเหรียญหรือ 7 แสนล้านบาท แม้การ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2552 จะขยายตัวติดลบ 5% แต่ก็ยังคงน้อยกว่าภาพรวมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ที่ลบถึง 20% ประกอบกับขณะนี้มีสินค้าอาหาร<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>บางกลุ่มที่มีการปรับตัวไปในทิศทางบวก เช่น กุ้ง เพิ่มขึ้น 1.1% จากเป้าหมายที่คาดว่าจะติดลบ 5% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป เป็นต้น<br /> ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกตื่นตระหนกและลดการบริโภคเนื้อสุกรแล้วหันมาซื้อโปรตีนชนิดอื่นแทน ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าอาหารไทย และมีแนวโน้มจะทำให้เป้าหมายที่คาดการณ์ว่าจะติดลบ ในปีนี้ ปรับดีขึ้น โดยขณะนี้ ผู้ผลิตไก่แปรรูป-ปรุงสุกต่างเพิ่มกำลังการผลิตเต็มที่ เพื่อรองรับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นจากตลาดหลักคือ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป อาจส่งผลให้ไก่ภายในประเทศไม่เพียงพอและมีโอกาสที่ราคาจะปรับสูงขึ้นได้ อย่างไรก็ตามจากปัจจัยต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับลดลงต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผลผลิตที่เกิดจากการเพาะเลี้ยง เช่น ไก่ กุ้ง ในขณะที่สินค้าอาหารที่ได้จากแหล่งวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น สัตว์น้ำจากทะเล มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง เนื่องจากปัญหาภัยธรรมชาติและภาวะ โลกร้อน ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง<br /> กรมส่งเสริมการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a> ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีก 3 แห่ง ได้แก่ กลุ่มอิออน ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าจัสโก้ของญี่ปุ่น ห้างค้าปลีกเทสโก้ โลตัส ของประเทศอังกฤษ และห้างค้าปลีกคาร์ฟูร์ในจีน จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย โดยเน้นผัก ผลไม้ และสินค้าอาหารต่างๆ ในสาขาต่างๆของทั้ง 3 ห้าง ใน 3 ประเทศ ซึ่งจะเพิ่มช่องทางการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าไทยได้มากขึ้น และทำให้มูลค่าการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>ไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นล้านบาท โดยในส่วนของกลุ่มอิออนนั้น ในปี 2551 นำเข้าจากไทยทั้งผัก ผลไม้ อาหารพร้อมรับประทาน เป็นต้น ประมาณ 17,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 21,000 ล้านบาท ส่วนห้างเทสโก้ โลตัสในอังกฤษ จะนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีก่อนที่นำเข้ามูลค่า<br />ประมาณ 84 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะผลไม้ตามฤดูกาลชนิดต่างๆ ทั้งลำไย ลิ้นจี่ ทุเรียน เงาะ มังคุด รวมถึงสินค้าอาหารชนิด เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายหมุนเวียนไปตลอดทั้งปี ภายใต้ชื่อโครงการ “Health&Tasty from Thailand ”ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมิ.ย.2552 ในห้างเทสโก้ โลตัส 70 สาขาทั่วประเทศทั่วประเทศอังกฤษ ขณะที่ห้างคาร์ฟูร์ในจีน จะซื้อสินค้าจากไทยโดยตรงมากขึ้น <br /><br />ปี 2552 (ม.ค.-มี.ค.) ประเทศไทย<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าอาหาร(รวมข้าวและน้ำตาล)ในไตรมาสแรก มูลค่า 4,222.67 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 4.9<br />ตลาดหลักในการ<a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้าอาหาร 5 อันดับแรกของ ปี 2552 (ม.ค.-มี.ค.) ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฮ่องกง และ แอฟริกาใต้ โดยญี่ปุ่น ฮ่องกง และ แอฟริกาใต้เป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น<br /><br /><!-- Histats.com START (standard)--><br /><script type="text/javascript">document.write(unescape("%3Cscript src=%27http://s10.histats.com/js15.js%27 type=%27text/javascript%27%3E%3C/script%3E"));</script><br /><a href="http://www.histats.com" target="_blank" title="statistics" ><script type="text/javascript" ><br />try {Histats.start(1,1210848,4,100,103,48,"00011111");<br />Histats.track_hits();} catch(err){};<br /></script></a><br /><noscript><a href="http://www.histats.com" target="_blank"><img src="http://sstatic1.histats.com/0.gif?1210848&101" alt="statistics" border="0"></a></noscript><br /><!-- Histats.com END --><br />Counter-code installation<br /><br /><a href='http://www.narak.com'>น่ารักดอทคอม</a><br /><a href="http://thaiexportprofessional.blogspot.com/">ส่งออก</a>สินค้า<br /><!-- Dont edit this code or it will not work --><a target="_blank" href="http://freeautobacklinks.blogspot.com/" title="Free Automatic Backlink"><img border="0" alt="Free Auto Backlink" src="http://1.bp.blogspot.com/_JF4GQX33H6I/S652LWfHz8I/AAAAAAAAAIE/8een1eEZF8Y/s400/banner.gif" /></a><!-- End http://freeautobacklinks.blogspot.com/ --><br /><br /><!-- Dont edit this code or it will not work --><a target="_blank" href="http://www.auto-backlink.co.cc/" title="Free Auto Backlinks"><img border="0" alt="Free Auto Backlinks" src="http://i772.photobucket.com/albums/yy6/free_backlink/backlink/autobacklink.gif" /></a><!-- End autobacklink.co.cc--><br /><!-- Dont edit this code or it will not work --><a target="_blank" href="http://www.indobacklink.co.cc/GHUFHG3459043JBSDFBIEWHR83924HRDSJB849Y32984SBDFDSBFDSGKJG9845349HJFBDSHBFDSHBFU4YGROF94594FHDSR8934RHJEBR3456LK46BTNEMFGDG09DFUGERH645BTJNREBFDK/" title="Free Auto Backlink Generator"><img border="0" alt="Free Auto Backlink Generator" src="http://www.indobacklink.co.cc/img.gif" /></a><!-- End indobacklink.co.cc-->Thaisiam Mobilehttp://www.blogger.com/profile/01939338488033407448noreply@blogger.com0